งาน JavaJazz ซึ่งจัดที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซียนั้นจัดเป็นงานแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระดับ Top 10 ของโลก และยังเป็นงานแจ๊สที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้เส้นศูนย์สูตรอีกด้วย ศิลปินและนักดนตรีที่มาแสดงมีมากกว่าพันห้าร้อยคน รวมทั้งคนที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีโชว์อยู่มากกว่าร้อยโชว์ในสามวัน พร้อมผู้คนเข้าชมหลักแสนคน จำนวนเวทีเฉพาะใน Hall 17 เวที (บาง hall มี 2 เวทีไว้จัดสลับกัน) และเวทีกลางแจ้ง 7 เวที รวมทั้งเวทีเล็กๆในบูทต่างๆซึ่งขนเครื่องดนตรีมาจัดแสดงกันอีกมากมาย
สำหรับผู้ที่สนใจไปและอยากรู้รายละเอียดค่าใช้จ่าย เชิญดูที่บล็อกของพัชร
ทำไมนักดนตรีจึงควรไปงาน JavaJazz
การดูดนตรีของนักดนตรี ก็คือการทำงานอย่างหนึ่งนะครับ ส่วนเหตผลที่ควรไปงานนี้เพราะ ไปง่ายมาก งานแจ๊สระดับโลกนั้นส่วนใหญ่จัดในอเมริกา แคนาดา และยุโรป มีเพียง JavaJazz Festival ที่จัดว่ายิ่งใหญ่และใกล้เมืองไทยที่สุดครับ ก่อนถึงงานสักสามเดือนลองเช็คตั๋วเครื่องบินจาก Air Asia มักจะมีโปรโมชั่น กรุงเทพ-จาการ์ต้า ราคาไปกลับ 3000-4000 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
สำหรับเว็บอย่างเป็นทางการก็คือ javajazzfestival.com ถ้าจะดูของปีเก่าๆก็แค่เปลี่ยน /2013 เป็นต้นครับ
http://www.javajazzfestival.com/2015/
ราคาตั๋ว JavaJazz
สำหรับราคาตั๋วจะมีแบบ วันเดียว (ประมาณ 500,000 IDR หรือ 1,400 บาท) กับแบบเหมา 3 วัน (2,300 บาท) โดยจะเห็นว่าแบบเหมา 3 วันนั้นราคาจัดว่าถูกมาก ถ้าเทียบกับศิลปินที่มาอย่าง FourPlay, Stevie wonder, Earth Wind & Fire, Natalie Cole ฯลฯ แค่ไปดูวงเดียวก็คุ้มแล้ว แต่นี่มี 200++ วงนะครับ ! อิจฉาคนอินโดจริงๆ
นอกจากนี้ในแต่ละวันยังอาจมีศิลปินบางคนที่มีชื่อเสียงมากๆมีการเก็บค่าตั๋วเข้าชมเพิ่มอีกเล็กน้อย เช่น Joss stone หรือ Jamie cullum อาจเก็บค่าบัตรต่างหากอีก 800 บาทครับ ซึ่งก็ดีเพราะขนาดเก็บค่าบัตรเพิ่ม ยังต่อแถวกันมืดฟ้ามัวดิน ถ้าไม่เก็บค่าบัตรรับรอง Hall แตกแน่
ทำไมอินโดนีเซียถึงจัดงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้
จากค่าบัตรที่ไม่แพงจะเห็นว่าไม่น่าเชื่อว่ารองรับศิลปินได้เยอะขนาดนี้ แต่งานจัดโดยผู้ทรงอิทธิพลของอินโดนีเซียซึ่งมีการรวม Sponser ได้อย่างมโหฬาร (ในขณะที่ประเทศไทยสปอนเซอร์รายใหญ่ๆต่างแยกกันจัด เช่น ปตท ไฮเนเกน สิงค์ ไม่ยอมรวมกันจัด) และศิลปินเองเห็นว่างานนี้เป็นที่นัดพบปะสังสรรค์กัน ได้แจมกันในโรงแรมแบบไม่มีฟอร์มซึ่งหาโอกาสได้ยาก และยังได้หลบอากาศหนาวช่วงเดือน กพ.-ต้นมีค มาที่นี่อีกด้วย จึงเป็นงานที่ศิลปินอยากมาอย่างแท้จริง ชาวต่างชาติที่มาชมงานก็มาเป็นจำนวนมาก
ผู้เข้าชมมีหลากหลายมาก ทั้งแม่บ้าน ผู้สูงอายุ สตรีโพกผ้า และชาวต่างชาติ
นอกจากนี้คนอินโดนีเซียนั้นมีรสนิยมความสนใจดนตรีแจ๊สและฟิวชั่นค่อนข้างมาก โดยสามารถพูดได้ว่าน่าจะมากกว่าคนไทยเพราะดนตรีพื้นเมืองของอินโดเองก็มีความเกี่ยวข้องกับจังหวะที่ซับซ้อนค่อนข้างมาก วงเด็กๆของอินโดที่มาเล่นโชว์ในบูทต่างๆนั้นเล่นเก่งดีทีเดียว ในขณะที่งานแจ๊สของไทยเป็นเหมือนแฟชั่นแต่คนอินโดทั่วไปนั้นเป็นคนธรรมดาที่ตั้งใจมาดูศิลปิน และร้องตามกันได้แทบทุกเพลงแม้เพลงยากๆที่เราไม่เคยได้ยินกันครับ วงดนตรี
ลองฟังเพลงอินโดกันบ้างครับ Barry Likumahuwa เป็นมือเบสขวัญใจคนอินโดเลยทีเดียว เคยไปพูดงาน TEDx ด้วยครับ
cover angry bird ??
Borobudur โรงแรมที่ศิลปินพักกัน
ถ้าอยากเที่ยวแบบได้อรรถรส แนะนำพักที่โรงแรมนี้ครับ แต่ค่าห้องอาจจะแพงสำหรับนักดนตรีสักหน่อย คืออยู่ที่คืนละ 34xx บาทต่อห้อง โรงแรมจัดว่าสวยมากห้าดาว มีสวนและลู่เดินวิ่งออกกำลังกาย สระน้ำขนาดใหญ่ (และลึกมาก ส่วนที่ลึกสุด 3.8เมตร! ) แต่จะบอกว่าโรงแรมไม่ค่อย Strict เรื่องจำนวนคนที่เข้าพักห้องนึงต่อห้องเท่าไหร่เลยครับ เพราะช่วงนั้นศิลปินและนักดนตรีรวมทั้งทีมงานเดินกันขวักไข่วมากๆ ความตื่นเต้นคือศิลปินที่เราชื่นชอบอยู่ใกล้ชิดเราสุดๆนี่แหละ ผมว่ายน้ำกับ Dave Koz และกินข้าวเช้ากับ Eart wind and fire มาแล้ว
Earth Wind and Fire Experience ในเล้าจ์ของโรงแรม แจมกันสนุกครับ
ไฮไลท์คือ ทางโรงแรมจะจัดเล้าจ์ที่มีเครื่องเสียงให้พร้อมสำหรับให้นักดนตรีมาแจมกันทุกคืน เลาจ์บรรยากาศเปิดโปร่งสวยงาม เราจะยืนดูฟรีหรือซื้อเบียร์สักกระป๋อง หรือซื้อเป็นแพครวมสแน็คก็ได้ นักดนตรีที่มาเล่นอารมณ์เหมือนมาเล่นสนุกกับเพื่อนๆ Stevie Wonder ก็เคยมาเล่นเช่นกันด้วยบรรยากาศเป็นกันเองสุดๆต่างจากที่เราเห็นในคอนเสิร์ต มีคนอินโดหลายคนมาแจมปล่อยของจนได้ดิบได้ดีศิลปินชวนไป World Tour ทั่วโลกก็มี (ส่วนคนไทยไม่กล้าแจมครับ กลัวววว)
ในกรณีที่ไม่ได้พักโรงแรมนี้ กลางคืนก็นั่งแท็กซี่มาดูได้ครับ เริ่มแจมกันตั้งแต่สี่ทุ่มบางวันยันตีสี่เลย
YouTube Playlist JavaJazz ปีก่อนๆ
บรรยากาศในงานเต็มๆโชว์ ดูกันตาแฉะครับ กดเลือกศิลปินที่มุมบนซ้ายของ Youtube แต่ละอันนะครับ คลิปเต็มๆของ 2013 กับ 2012 แต่ละศิลปินยาวชั่วโมงกว่าๆ
JavaJazz 2013
http://www.youtube.com/watch?v=KUt_pnutRtI&feature=share&list=PLNwGl6VbxfmZYwzvE5UVhODQXOs8ErdGA
JavaJazz 2012
JavaJazz 2011
JavaJazz 2010
JavaJazz 2009
ข้อควรระวัง
สนามบินของจาการ์ต้า Soekarno Hatta International Airport นั้นพิเศษตรงขากลับ (departure) จะมีเก็บค่าภาษีสนามบิน 150,000 IDR (ประมาณ 420 บาท) ด้วยนะครับ ดังนั้นต้องเตรียมตังค์ขากลับให้พอด้วยเพราะเขาไม่รับบัตรเครดิต ผมไปสองครั้งเจอปัญหาทั้งสองครั้งเลย ครั้งแรกเงินหมด ครั้งที่สองค่าแท็กซี่แพงกว่าที่คิดเลยเงินไม่พอ ต้องมาหาตู้ ATM ที่มีเครื่องหมาย Cirrus ตรงกับบัตรเอทีเอ็มเรา ซึ่งกดได้บ้างไม่ได้บ้าง >_< ต้องรอนานบ้าง สร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนแท็กซี่ให้เลือกของ Bluebird ครับ สีฟ้าๆได้มาตรฐานดี ถ้าเขากดมิเตอร์ราคาจะไม่แพงมาก เท่าๆหรือถูกกว่าเมืองไทย แต่ถ้าตรงไหนคนเยอะโดนคิดเหมาก็จะแพงหน่อยเหมือนฝรั่งถูกแท็กซี่ไทยคิด ประมาณ 200-300 บาทครับ