สิทธิ-หน้าที่-เสรีภาพ อธิบายง่ายๆสไตล์วงดนตรีงานแต่งงาน
สิทธิ :
เมื่อลูกค้าได้ดีลจ้างวงเรา เราและเพื่อนๆก็มี”สิทธิ”ที่จะได้ไปเล่น ไปให้กำเนิดเสียงดนตรีในงานนั้นครับ แถมสิทธิได้ทานอาหารและเครื่องดื่มในงานอีกบ้างนิดๆหน่อยด้วยนะ และสิทธิที่จะได้ตังค์เมื่อทำงานจบลงด้วยดีไม่มีปัญหา ยิ่งถ้ามี”สิทธิ”จะออกงานได้ตังค์กันบ่อยๆก็ยิ่งดีใช่มะฮะ ถ้าขยันๆพัฒนาฝีมือ และช่วยกันทำการตลาดก็อาจมี”อภิสิทธิ์”ในไม่ช้า
หน้าที่ :
หน้าที่ของพวกเรานักดนตรีก็คือ สร้างเสียงดนตรี และสร้างความเพลิดเพลิน สร้างความอบอุ่นสนุกสนานแก่แขกผู้มีเกียรติทุกเพศทุกวัย สร้างความประทับใจและความรู้สึกพิเศษน่าจดจำ รวมถึงสร้างความ smooth ไร้รอยต่อของงานพิธีการ ทำลาย dead air ที่ทำให้คนงงกับขั้นตอนของงานออกไป ทำลายความเคอะเขินจากความเงียบงันอันไร้ชีวิตชีวาให้หมดไป
เสรีภาพ :
ความสนุกในการเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ คือเสรีภาพในการเล่น การใช้เสียงและการตอบสนองซึ่งกันและกันในวง การฟังภาพรวม เสรีภาพในการแถ เสรีภาพในการ improvise และ ad-lib ซึ่งผมและเพื่อนๆหลายคนน่าจะเคยรู้สึกว่าความสนุกในการเล่นกับวง iHear นี่คือเสรีภาพในการเล่นที่ล้นเหลือกว่าวงอื่นๆที่เคยเล่นมา เราเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยความสามารถเฉพาะตัว เรามีการตอบสนองคนดูแบบทันท่วงที ผมเองยังรู้สึกว่าสนุกกว่าเล่น back up ให้ศิลปินไทยที่เราอาจต้อง control อะไรเยอะพอสมควรด้วยเช่นกัน
แล้วเสรีภาพมีขอบเขตหรือไม่?
คำตอบก็คือเรามี “สิทธิ”และ”หน้าที่” มาคอยกำหนดขอบเขตไว้อยู่แล้ว ถ้าเราเล่นเพลงอกหักในขณะเดินเข้างาน หรือเล่นเพลง deathmetal ขณะตัดเค้ก เล่นเสียงดังตลกโปกฮาขณะประธานกำลังกล่าวโอวาท หรือติสต์จัดอยู่ๆหมดอารมณ์เลิกเล่น มันก็ทำผิดหน้าที่วงงานแต่งงานที่เรามีต่อบ่าวสาวแน่นอน และจริงๆคนปกติก็ไม่ได้สนุกกับการที่มีคนเดือดร้อนนักหรอกเพราะเราคงอาจหมด”สิทธิ”รับตังค์และดัน”มีสิทธิ”ได้ขึ้นดรามาพันทิพย์แทน นอกจากนี้การใช้เสรีภาพไม่ดูตาม้าตาเรือก็ทำให้หมดสิทธิที่จะได้งานใหม่ๆได้ง่ายๆ
จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ สิทธิ-หน้าที่ และเสรีภาพนั้นทำให้เกิดพลวัตรสำคัญที่จะขับเคลื่อนสังคมเล็กๆรอบตัวให้เคลื่อนไปได้และถูกปรับสมดุลโดยเราเอง
และความสมดุลนั่นเองคือ”ความสุข”ครับ
ในท้ายที่สุดที่เขียนมา ผมจะบอกว่าทั้ง “สิทธิ-หน้าที่-เสรีภาพ” เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการปรับสมดุลไปสู่ “ความสุข” ครับ ขาดตัวใดไปไม่ได้เลย